วันนี้ผมมีโอกาสได้มาเยี่ยมชมร้าน Pleats Please และ Bao Bao สาขาใหม่ล่าสุดที่ The EmQuartier เรียกว่าเป็นร้านที่รวมสองแบรนด์เข้าด้วยกันอย่างลงตัวแน่นอนว่ามาจากแบรนด์หลักอย่าง Issey Miyake แบรนด์ที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษในเรื่องของแนวคิดและการตกผลึกความคิดในการออกแบบ ภายในร้านที่โล่งอิสระ จะมีบันไดวนอยู่บริเวณตรงกลาง ที่จัดแสดงกระเป๋า Bao Bao ทั้งของผู้หญิงและของผู้ชายไว้อย่างลงตัว ที่สำคัญมีใบที่เป็นลิมิเต็ดให้ได้จับจองเป็นเจ้าของอีกด้วย
Issey Miyake ราชาแห่งพลีต ด้วยเทคนิคการอัดพลีตที่คมชัด ละเอียด และมีแพทเทิร์นการนำเสนอที่เป็นแบบเฉพาะเรียกได้ว่าเป็นผู้นำผ้าพลีตมาโดยตลอด ทั้งเทคนิคการทำสีและนวัตกรรมใหม่ในงานดีไซน์ แนวคิดของแบรนด์ที่อยากให้ผู้สวมใส่รู้สึกคล่องตัว สบาย เราจึงมักจะเห็นการนำเสนอผ่านรูปแบบของนักเต้นรำที่สวมใส่ผ้าพลีต โชว์ลีลาการเคลื่อนไหวแนวคอนเทมโพรารี่ที่งดงาม จนก่อให้เกิดแบรนด์ Pleats Please ที่เน้นเฉพาะผ้าพลีต ด้วยทุกเทคนิคที่มีบนโลกใบนี้ ถูกนำมาใช้ได้ลงตัวอย่างที่สุด ทุกอย่างผ่านกระบวนการคิดมาเป็นอย่างดี ก่อนจะเพียงผลงานชิ้นเรียบๆที่ใช้งานได้ทุกวัน
ผ้าพันคอของแบรนด์ถือเป็นชิ้นแรกๆที่หลายๆคนต้องมี เพราะความนุ่มสบายและการนำไปใส่สไตลิ่งกับพลีตหรือเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆในตู้ได้เป็นอย่างดี ราคาเริ่มต้นประมาณ 4,900 บาท มีหลากหลายสีให้เลือก สามารถนำมาผูกผสมสีรวมกันได้ ผ้าพลีตเป็นอะไรที่เหมาะสำหรับการเดินทางเพราะไม่ต้องรีด เพียงแต่ซักน้ำแล้วตากให้แห้ง เวลาเก็บก็แค่ม้วนเก็บประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าเดินทาง ผมรับรองว่าถ้าคุณเริ่มใส่พลีตตอนนี้ จะมีพลีตชิ้นอื่นๆตามมากมายให้ได้ผสมสีกันอย่างสนุกสนานเชียวครับ
เสื้อผ้าของ Pleats Please จะขยายขนาดไปตามรูปร่างของผู้สวมใส่ เป็นข้อดีมากสำหรับคุณผู้หญิง ไม่ว่าคุณจะน้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือผอมลง คุณก็ยังหยิบพลีตมาใส่ได้เสมอ ด้วยเหตุผลนี้จึงกลายเป็นแบรนด์ที่ผู้หญิงมากมายมักจะลงทุนซื้อเก็บไว้สะสม หมดปัญหาเรื่องของไซส์ ใส่สบายคล่องตัวใช้งานได้คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายแน่นอนครับ
Pleats Please จะมีตั้งแต่ชิ้นเบสิกที่ใส่ได้ทุกวัน โทนสีเบสิกไปจนถึงชิ้นพิเศษ ลายพิมพ์สวยงามมีเรื่องราว และแพทเทิร์นระดับเทพที่จะต้องทำให้เราต้องหยุดมองถึงแนวคิดของแบรนด์ที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของการเคลื่อนไหวร่างกาย แน่นอนว่าไม่มีใครจะเชี่ยวชาญเรื่องพลีตไปดีกว่าแบรนด์ Pleats Please อีกแล้ว คุณภาพของพลีตแท้ๆที่อยู่ทรง ไม่คืนตัว สีของผ้าที่ติดทนทานและแพทเทิร์นสไตล์ญี่ปุ่นและเรขาคณิตที่งดงาม ยังคงตราตรึงความรู้สึกของแฟนๆ Pleats Please ได้เป็นอย่างดี
เมื่อมีเสื้อผ้าแล้วก็ต้องมีกระเป๋าที่แสดงถึงความล้ำสมัยและนวัตกรรมใหม่ๆ นั่นก็คือกระเป๋าที่เรียกว่า Bao Bao (เบา เบา) เกิดจากรูปทรงเรขาคณิตมาต่อกัน ใบในภาพเป็นลิมิเต็ทอิดิชั่นครับ ราคา 19,500 บาท ด้วยนำ้หนักที่เบามาก สะดวกในการใช้งานของสาวสังคมเมือง มีดีไซน์ที่โดดเด่น คุณภาพของวัสดุชั้นเยี่ยม ทำให้เป็นที่รักของสาวๆ ที่มักจะถือกระเป๋า Bao Bao ใส่คู่กับเสื้อผ้าของ Pleats Please ภายใต้การดูแลการออกแบบของ Issey Miyake
"สาวๆมากมายอยากได้กระเป๋าพลาสติกใบละหมื่นกว่าบาท" ผมเคยฟังสัมภาษณ์ของอิซเซ่ที่พูดเกี่ยวกับพลาสติกมานานแล้ว เป็นความฝันของเค้าว่ายุคนึงจะเป็นยุคที่พลาสสติกจะถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางดีไซน์ แล้ววัสดุที่ว่าก็เป็นความจริง เพราะไม่ใช่พลาสติกธรรมดาแน่นอน เป็นวัสดุพิเศษที่มีสูตรในการผลิตแบบเฉพาะของ Bao Bao เท่านั้น การรับน้ำหนักและความสบายกระจายแรง ก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ภายใต้รอยแยกของรูปทรงเรขาคณิต ผมไม่แปลกใจว่าทำไม่ทุกคนถึงชอบ เพราะสะดวก ดูแลรักษาง่าย ใช้ได้ทุกวัน เหมาะกับสังคมเมือง ไม่ต้องกังวลว่าจะเปียกน้ำ ฝนตก ใช้ได้หมด ตอบโจทย์เหมือนอย่างที่คุณอิซเซ่เค้าตั้งใจไว้ทุกประการครับ
แน่นอนว่าก็มีคอลเลกชั่นกระเป๋า Bao Bao ของผู้ชายออกมาเช่นกัน ในวันที่เปิดตัวขายดีมากจนของหมดครับ เพราะหนุ่มๆที่รักงานออกแบบมีซ่อนอยู่มากมาย กระเป๋าที่จะบ่งบอกถึงสไตล์และตัวตน จึงเป็นที่นิยมของหนุ่มๆนักออกแบบ กราฟฟิคดีไซน์เนอร์ สถาปนิก
Issey Miyake เป็นแบรนด์ที่ตั้งใจทำงานมาก และลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เหลือเพียงสิ่งที่มนุษย์ต้องการ เปลี่ยนโลกด้วยความเรียบง่าย ที่ยังคงความหรูหราและมีสไตล์ในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยผ้าพลีตก็ยังเป็นที่นิยมอยู่เสมอ มีแฟนคลับสะสมทุกคอลเลกชั่น มีดีไซน์ใหม่ๆให้เราได้ติดตาม ผมว่าถึงแม้ว่าแบรนด์จะเก่าแก่มีเรื่องราว แต่ก็ยังเป็นแบรนด์ที่ดูทันสมัยและสดใหม่ที่สุดในทุกคอลเลกชั่น หยิบกลับมาใส่ได้เสมอ คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย ผมว่าทั้งผู้หญิงและผู้ชายของ Issey Miyake รู้จักเลือก รู้จักการนำเสนอ และมีความถ่อมตัวอยู่นิดๆ แต่เชื่อว่าภายในเต็มไปด้วยความสุขทุกครั้งที่ได้หยิบขึ้นมาใส่
ถ้ามีโอกาสลองแวะมาเยี่ยมชม Pleats Please : Bao Bao : Issey Miyake ที่ The EmQuartier ดูนะครับ ทั้งร้านมีราวแขวนเสื้ออยู่ไม่กี่ราว เรียบง่ายโล่งอิสระ ผ่อนคลาย แต่ถ้าได้ลองใส่หรือลองหยิบผลงานขึ้นมาชม ผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงเขียนเล่าแบรนด์นี้ยาวเหลือเกิน ถ้าใครมีแล้วจะเข้าใจและพร้อมที่จะตกหลุมรักในของชิ้นเดิมๆแบบซ้ำแล้วซ้ำอีกจริงๆ.....
