วิธีการพับกระเป๋า Bao Bao Men



หลังจากการเปิดตัวกระเป๋า Bao Bao Men อย่างเป็นการทางที่ร้าน Bao Bao สาขา Siam Discovery ซึ่งเป็นการวางจำหน่ายกระเป๋ารุ่นผู้ชายเป็นครั้งแรกในวันที่ 2  เมษายน 2558 เรียกได้ว่าสร้างกระแสความสนใจให้กับแฟนคลับของแบรนด์เป็นจำนวนมาก เพราะราคาเปิดตัวในครั้งนี้เรียกว่าไม่ต้องไปซื้อหาผ่านร้านพรีออร์เดอร์หรือซื้อจากต่างประเทศอีกต่อไป ที่สำคัญยังสามารถสะสมยอดซื้อเป็นแต้มของ Club21 ได้อีกด้วย โดยมีกระเป๋าหลายรุ่น ทั้งแบบเป้ กระเป๋าสะพายข้าง กระเป๋าถือ และหมวก ทั้งสีดำด้าน ดำแวว สีขาว และสีน้ำเงิน แน่นอนว่าผมไม่พลาดที่จะไปซื้อกระเป๋า Bao Bao Clutch สีดำด้านที่อยากได้ เพราะมีโอกาสได้เห็นของจริงจากเพื่อนๆที่ซื้อมาจากญี่ปุ่น ที่สำคัญราคาดีมาก อยู่ที่ใบละ 6.500 บาท 

ในภาพแรกเป็นการถือกระเป๋าแบบเบสิก คือเพียงแค่ใส่ของแล้วพับฝาลงมาก็พร้อมใช้งานจุดของได้เยอะเลยทีเดียวครับ ตรงฝาปิดมีแม่เหล็กประกบกัน ด้านหน้าฝากระเป๋าจะมีเอกลักษณ์ที่เป็นรูปเรขาคณิตทรงสามเหลี่ยมประกบกัน อยู่มุมบนซ้ายของภาพแรก กระเป๋าทุกใบจะมาพร้อมกับใบรับประกันที่จะลงวันที่ซื้อและสาขาของร้านที่เราซื้อ ถุงผ้าสีขาวกันฝุ่น ถุงหิ้วสีขาวของแบรนด์ ที่สำคัญกระเป๋าทุกใบจะ  Made in Japan เพื่อการันตีถึงคุณภาพและความเป็นญี่ปุ่นขนานแท้

ขนาดความกว้างของกระเป๋าอยู่ที่ประมาณ 35 x 36 เซนติเมตร (ในขณะที่ยังไม่พับฝา) ส่วนการพับก็ขึ้นอยู่กับเทคนิค ลดขนาดกระเป๋าตามของที่ใส่ข้างในได้เช่นกันครับ ทุกคนจะถามว่า กระเป๋าใส่อะไรได้บ้าง จากการทดลอง พบว่าจุของเยอะมากครับ ใส่ได้ทั้งมือถือ แบตเตอร์รี่สำรอง ไอแพด กุญแจบ้าน คีย์การ์ด แว่นตา และอื่นๆอีกมากมายขึ้นอยู่กับความพอใจ จุดเด่นที่อยู่ความเบาและการปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ จึงทำให้คลัชใบนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับหนุ่มๆ


หลังจากที่ผมได้นำเสนอวิธีการพับแบบต่างๆของกระเป๋า ก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีในอินสตาแกรม @Martinphu เลยนำมาเขียนต่อในบล็อก แบบที่ 2 เรียกว่าการพับ "แบบออริกามิ" โดยจะพับฝากตามมุมเฉียงก่อน แล้วจึงพับกลับลงมาแบบในภาพ ทำให้มิติรูปทรงเวลาที่เราถือกระเป๋าดูแปลกตา มีดีเทลของการทับซ้อนที่สวยงามครับ


แบบที่ 3 คือการพับแบบหน้าหลัง โดยพับกระเป๋าเป็นมุมเฉียง แล้วกลับด้านพับมุมเฉียงในอีกด้านเช่นกัน เมื่อพับเสร็จแล้วเราจะได้รูปทรงคล้ายขนมโมจิ แล้วถือกระเป๋าด้านบนครับ และมีคำถามว่าถือยากมั้ย ? ตอบได้เลยว่าไม่ยากครับ เพราะว่าวัสดุที่ทำมา ทำให้เราถือกระเป๋าได้ง่ายไม่ลื่นหลุดมือ


แบบที่ 4 คือ ม้วนแบบแยมโรล  ใส่ของทุกอย่างลงไปแล้วม้วนฝาลง ถือกระเป๋าด้านบน แบบนี้จะมีพื้นที่ในการจุของเยอะมาก อยากจะใส่นิตยสาร ขวดน้ำ หรืออะไรลงไป การม้วนฝาแบบนี้ก็สะดวกครับ


แบบที่ 5 คือการรวบแบบขนมจีบ ผมว่าก็ดูเท่ไปอีกแบบ เวลาที่เร่งรีบมากๆ เอาของทุกอย่างโยนใส่ในกระเป๋าแล้วถือแบบในภาพ เหมาะกับเวลาที่เราใส่ของหนักๆลงไปในกระเป๋าครับ เป็นรูปทรงที่มีโครงสร้างตามของที่อยู่ข้างใน


แบบที่ 6 การพับฝาแบบซองจดหมาย เพียงแค่พับด้านบนเป็นสามเหลี่ยมประกบกัน แล้วพบลงมา ก็จะได้รูปทรงแบบซองจดหมาย แบบนี้ก็จุของเยอะครับ แล้วกระเป๋าจะค่อนข้างเป็นทรง เพราะมุมฝาที่เราพับทำให้เราถือกระเป๋าได้ง่ายมากขึ้น


แบบที่ 7 เป็นแบบที่ผมชอบมากที่สุด "ทรงจตุรัส" เพียงแค่ดันมุมกระเป๋าเข้าไปด้านในทั้งสองด้าน ทรงก็จะมีขนาดเล็กลง ดันเข้าไปได้เลยนะครับ จะกี่ตารางสี่เหลี่ยมก็แล้วแต่เรา มุมจะพอดี แล้วพับฝาลง ทำให้ย่อขนาดกระเป๋าให้เล็กลอง อยู่ทรง แบบนี้ผมใช้เวลาที่ของไม่เยอะ เช่น มีโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์แล้วก็แบตสำรอง สะดวกสบายมาก ถ้าเผลอไปช้อปอะไรเพิ่มเราก็ขยายขนาดเป็นทรงเบสิกได้เลย

ที่เขียนมาทั้ง 7 รูปแบบในการพับเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพื่อนๆยังสามารถลองพับในรูปทรงต่างๆได้ กระเป๋าจะทำจากผ้าคุณภาพ แล้วด้านนอกจะเป็นรูปทรงเรขาคณิตในแบบ Bao Bao ที่ทุกคนรู้จักกันดี วัสดุที่ใช้ทนทานต่อการใช้งาน ช่วยในเรื่องของโครงสร้างความสวยงามที่เปลี่ยนไปตามรูปทรงเวลาเราถือได้เป็นอย่างดี ช่วยในการพับให้เกิดมิติใหม่ๆได้ง่ายขึ้น Issey Miyake เป็นแบรนด์ที่มีงานดีไซน์ที่ล้ำลึก กว่าจะออกแบบแต่ละชิ้นใช้เวลาในการศึกษาวิจัย ให้เข้ากับรูปแบบการใช้งาน รวมทั้งวัสดุใหม่ๆที่เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เหลือเพียงรูปทรงที่สวยงามและสร้างการจดจำโดยปราศจากการใช้โลโก้มากมายประดับอยู่ สำหรับกระเป๋าที่ผมใช้เป็นสีดำด้าน เรียบๆ เข้ากับเสื้อผ้าง่าย เป็นคลัชผู้ชายอีกใบที่เป็นงานดีไซน์ ใช้งานได้ทุกวันไม่ล้าสมัย ราคาอาจจะสูงเมื่อเทียบกับกระเป๋าทั่วไป แต่ถ้ามองในมุมของกระเป๋าแบรนด์แฟชั่นระดับโลก ผมว่าเป็นกระเป๋าคลัชผู้ชายที่ราคาดี สมเหตุสมผลมากที่สุดอีกใบหนึ่ง ณ ช่วงเวลานี้เลยครับ....