18/1/2013

หลังจากส่งอีเมลกลางดึกเสร็จเรียบร้อย ผมเปิดอ่านบทความเกี่ยวกับศิลปะบทความหนึ่ง ที่ทำให้เห็นภาพของตัวเองย้อนกลับไปในวัยเด็ก เสียงเพลงสบายๆจากไอแพดที่อยู่ข้างๆก็ช่วยทำให้บรรยากาศในยามคืนนี้ไม่เหงาและอบอุ่นเหมือนเช่นเคย หลังจากทาเซรั่มตัวใหม่ของ LANCOME ที่ยืนยันว่าดีจริงๆ และมีความสุขที่ได้บำรุงผิวของตัวเองบ้าง ก็ได้เวลานั่งนึกย้อนกลับไปถึงวัยเด็ก

สมัยเด็กๆผมชอบวิชาวิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ไม่ชอบภาษาอังกฤษ ไม่ชอบตัวเลข ชอบวิชาศิลปะการประดิษฐ์ทุกชนิด และมักได้รับเลือกเป็นตัวแทนประกวดอยู่บ่อยครั้ง วิชาแรกที่จะพูดถึงคือวิชาภาษาไทยสนุกมาก มีเรื่องให้อ่าน อาจารย์ชอบให้ประกวดเขียนเรียงความ ทุกครั้งเวลาเขียนผมก็ต้องเขียนตามคำแนะนำ มีคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป ตามรูปแบบเดิมๆ เกณฑ์การตัดสินเดิม จนครั้งนึงรู้สึกว่าไม่อยากประกวด ไม่อยากเขียน อยากจะเขียนอะไรที่อยากจะเล่ามากกว่า แต่โรงเรียนไม่มีตัวแทนก็เลยต้องรับหน้าที่นี้ไป สุดท้ายก็ได้รับรางวัลชนะเลิศกลับมา ไม่นึกเลยว่าเมื่อโตขึ้นผมกลับมาเขียนหนังสือทุกวัน เรียกว่าดวงอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะเขียนแล้วรู้สึกคล่องมือ สิ่งที่ยังติดตัวมาตั้งแต่เด็กๆคือการสะกดคำที่ผิด ทุกวันนี้ก็ยังต้องแก้ไขกันอยู่เลยครับ วิชาที่สองที่พูดถึงคือวิชาภาษาอังกฤษ รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งภาษาอังกฤษเลยแต่ไม่น่าเชื่อว่าพรุ่งนี้ผมต้องตื่นมาทำงานเป็นภาษาอังกฤษและใช้ภาษาในการทำงาน ถ้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้คงแย่ จำไม่ได้ว่าพูดได้ตอนไหน แต่รู้ตัวอีกทีก็พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ รู้อย่างนี้อยากจะกลับไปเรียนใหม่อีกหลายรอบเชียวครับ 

วิชาที่สามคือวิชาศิลปะ จำได้ว่าจะได้คะแนนดีมาก เป็นวิชาที่ต้องใช้ความรู้สึกและอารมณ์ ผมเคยประกวดการจัดบอร์ดอะไรสักอย่าง จริงๆแล้วก็ต้องเรียกว่าเป็นขาประจำทุกงาน ผมจัดไปตามความรู้สึกเล่าเรื่องไปตามความรู้สึกเท่าอุปกรณ์จะมี ก็จะทำไปสนุกไปจนกว่าจะเสร็จ พอประกาศผลก็ได้รางวัลชนะเลิศ บอร์ดที่จัด ถูกนำไปแสดงและผมก็เคยต้องถ่ายรูปเก็บผลงานเหล่านั้นมานำเสนอในการแข่งขันคัดเลือกตัวแทนนักเรียนสมัยเด็กๆเช่นกัน ในวัยเด็กคนที่คาดหวังมากกว่าเราคืออาจารย์ที่ส่งเข้าประกวด ผมก็ทำงานไป สนุกไป เห็นผลงานตัวเอง ถ้ารู้สึกว่าพอใจและชอบ ดูแล้วมีความสุขก็โอเค เมื่อโตขึ้นผมกลับได้ใช้วิชาเหล่านั้นอย่างไม่รู้ตัว 

การเป็นบล็อกเกอร์ต้องทำอะไรเองทุกอย่าง ทั้งถ่ายภาพเอง จัดวางเอง เขียนเอง เล่าเอง ติดต่องานเอง ประชาสัมพันธ์เอง เพียงแต่ตอนนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะได้รางวัลจากการประกวดหรือไม่ ขอเพียงเรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ ทุกกระบวนการ ตั้งใจให้ดีที่สุด ผลจะเป็นยังไงก็เป็นเพียงผลพลอยได้ ผมว่าการจะเป็นบล็อกเกอร์มืออาชีพไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องใช้ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า และอาศัยความรู้สึกที่เป็นพลังในการหล่อเลี้ยงตัวอักษรและรูปภาพ อย่างน้อยก็ภูมิใจ เพราะเมื่อสักครู่ผมนั่งเขียนอีเมลส่งงานว่าบล็อกเกอร์คนนึง ได้เคยทำอะไรมาบ้าง เขียนอะไรมาบ้าง ผ่านอะไรมาบ้าง มันเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งสไตล์และจิตวิญญาณ ผมถึงมักลงท้ายเสมอว่า Martinphu : Style & Soul เพราะทั้งหมดก็คืองานศิลปะในอีกรูปแบบหนึ่งของยุค 2013  บางครั้งบล็อกเป็นเหมือนนิทรรศการแสดงศิลปะ........และเป็นศิลปะที่เรานำไปใช้ได้จริง