7/12/2013

แฟชั่นบ่งบอกถึงยุคสมัยและการใช้ชีวิตของคนในยุคนั้นๆเสมอ วันนี้ผมนั่งคุยกับคุณ Alex พาร์ทเนอร์ของแบรนด์คอสตูมจิวเวลรี่ที่บินมาจากอังกฤษก่อนที่กำลังจะมีงานแฟร์ในเดือนมกราคมของปีหน้า การสนทนาบนโต๊ะกาแฟ ทำให้ได้เข้าใจมุมมองคนแฟชั่นในแบบอังกฤษ ที่แตกต่างจากตลาดอื่นๆ คุณ Alex เล่าว่าถ้าเป็นเครื่องประดับชิ้นคลาสสิค ใส่ไปได้ทั้งชีวิต ลูกค้าจะเลือกของที่มีราคาแพง คุณภาพดี วัสดุที่ใช้ในการผลิตทรงคุณค่า เช่น ทองคำ เงิน หรือแพลตินั่ม ถ้าเป็นคอสตูมหรือแฟชั่น คนจะเลือกชิ้นที่ชิคจริงๆ สำหรับใส่ไปงานปาร์ตี้ หรือชิ้นที่โดดเด่นในราคาที่จับต้องได้

ความจริงแล้วในตลาดเมืองไทยก็เช่นกัน เพียงแต่อุปสรรคของบ้านเราอยู่ที่มีสินค้าเลียนแบบจำนวนมาก อะไรที่กำลังมาและฮิตจะมีสินค้าเลียนแบบผลิตออกมาขายเต็มไปหมด สร้างความท้อใจให้กับเหล่าดีไซน์เนอร์และแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ ถ้าเป็นคนที่ชื่นชอบและศรัทธาในแฟชั่นจริงๆ ผมเชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านั้นจะใช้ของจริงทุกชิ้น เชื่อมั่นในแบรนด์ที่ทรงคุณค่า เพราะถ้าเราเริ่มต้นที่การใช้ของปลอมทุกอย่างก็คงจบลงที่เพียงคำว่าเลียนแบบ แฟชั่นจึงไม่ได้ตอบสนองไลฟ์สไตล์หรือบ่งบองตัวตนที่ทรงคุณค่าเท่าที่ควร หลายครั้งผมเห็นผลงานของแบรนด์ดังๆ ก็รู้สึกว่าผลงานชิ้นนี้คืองานศิลปะ ไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่ใส่ความรู้สึกอะไรบางอย่างลงไป อยู่ที่ว่าจะไปโดนใจของลูกค้าคนไหน แล้วอยากจะเก็บไว้ในครอบครอง ลูกค้าหลายคนชื่นชอบที่จะเก็บสะสมผ้าพันคอแอร์เมส เพราะทรงคุณค่าไม่ต่างจากงานศิลปะ ลูกค้าบางคนก็อาจจะเก็บจานชามของเฟอร์นาเซติ ไม่ก็เก็บสะสมเทียนจากดิปทีค หรือแว่นขยายจากเมซอง มาแตง มาเจียร่า ของเหล่านี้เป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆแด่คนที่เข้าใจงานศิลปะ หลงใหลและชื่นชอบ เราอาจจะซื้อสินค้าเลียนแบบได้ในราคาที่ถูกกว่า แต่เราย่อมไม่มีวันซื้อจิตวิญญาณที่ผู้สร้างผลงานนั้นมาไว้ครอบครองได้แน่นอน....