9/10/2013

เมื่อวานผมมีโอกาสได้อ่านบทความดีๆที่เกี่ยวกับเรื่องราวของการทำงานในสายดิจิตอล เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอ่านแล้วโดนใจ ถูกใจ และเห็นด้วยกับบทความทุกประการ ในองค์กรการทำงานในยุคปัจจุบันจะต้องมีทีมดิจิตอลที่ดูและทางด้านออนไลน์ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะดูแลทางด้านเทคโนโลยี แต่หมายถึงดูและทั้งภาพลักษณ์ เนื้อหา การประชาสัมพันธ์ หรือเครื่องมือต่างๆที่ใช้ในการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ ไปจนถึงการตลาดที่อยู่บนโลกออนไลน์ ผมมีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมดิจิตอลของหลายแบรนด์ตั้งแต่ยุคเริ่มต้น เห็นการเติบโตและความสำเร็จที่กำลังมีมากขึ้น ในขณะที่อีกหลายแห่งยังไม่เริ่มต้นเลยและอาจมองข้ามเครื่องมืออันทรงพลังนี้ไป

ทุกวันนี้ยังไม่มีการเปิดสอนการตลาดออนไลน์ในมหาวิทยาลัยแบบเป็นระบบ มีเพียงการจัด  Work Shop และการอบรมระยะสั้น ที่เกิดจากองค์ความรู้ในการทำงานในสายนี้ สิ่งที่แตกต่างของการตลาดแฟชั่นกับตลาดอื่นๆคือ ความรู้สึก แฟชั่นไม่ได้ขายเพียงแค่เสื้อผ้า แต่ขายความรู้สึกของแบรนด์ ซึ่งเป็น DNA ที่จะต้องถ่ายทอดมาควบคู่กับทุกมิติที่ใช้ในการถ่ายทอดผ่านทุกเครื่องมือ คนอยากจะเห็นภาพสวยๆ อ่านเรื่องที่มีประโยชน์ ได้ข้อคิดและแรงบันดาลใจ อยากจะรู้สิ่งที่ตัวเองต้องการ และอยากจะรู้ว่าเค้ากำลังนิยมอะไรกันจากภาพรวม คำว่าความรู้สึกที่ใส่ลงไปในการตลาดของแฟชั่น จะเต็มไปด้วยดีเทลมากมายที่ละเอียดอ่อน ของบางชิ้นสวยมาก ถูกนำเสนอไม่ดี คนก็มองผ่าน ของบางชิ้นธรรมดามาก แต่นำเสนอดีคนก็อยากได้ การนำเสนอเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับโลกแฟชั่น ความละเอียดและประณีตของการทำงานเป็นสิ่งที่คนรักและชื่นชอบแฟชั่นสามารถสัมผัสได้ ไม่แตกต่างจากรสชาติอาหารชั้นเลิศ คนอยากจะสัมผัสกับความรู้สึกของแบรนด์ผ่านหน้าจอ ทั้งคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ จะทำยังไงให้พลังงานเหล่านั้นส่งถือผู้รับ 

เพียงแค่การถ่ายภาพลงอินสตาแกรม โดยใช้การดึงภาพจากกล้องดิจิตอลมาลงทั้งหมด ก็ทำให้เสน่ห์ของอินสตาแกรมหายไป เราอาจจะได้ภาพที่สวยกว่า แต่เราไม่ได้ความสดและความรู้สึกจากอินสตาแกรมจริงๆ ข้อความนี้ไม่ใช่เพียงความคิดของผม แต่เป็นข้อความที่มาจากความรู้สึกของผู้ใช้งานจริงที่ผมพยายามสำรวจความคิดเห็นอยู่ตลาดเวลา มันอาจจะเป็นข้อคิดเล็กๆที่ทำให้ผมเองมองสิ่งที่อยู่ข้างในหัวใจของมนุษย์มากขึ้น เพราะการตลาดที่ดีที่สุดก็คือความจริงใจนั่นเอง...