1/10/2012

ผมนั่งเขียนบทความนี้เงียบๆในคืนที่เข้าสู่วันที่ 1 ตุลาคม เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน กำลังจะเข้านอนมองดูข้อความผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ไม่น่าเชื่อว่ายุคนี้เราจะอ่านข้อมูลมากมายผ่านโทรศัพท์ที่ทันสมัยมาก 10 ปีก่อนหน้าจอมือถือยังเป็นรุ่นขาวดำอยู่เลย อย่างดีที่สุดก็คือโหลดหน้าจอมือถือตามแผ่นพับเล็กๆที่เค้ามีแจก ภาพต่างๆถูกดีไซน์ผ่านช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆสีดำๆที่มารวมกันเป็นภาพ เมื่อถึงยุคนี้เป็นยุคที่สามารถหาอ่านเรื่องราวได้จากกูเกิ้ลและยูทูป ทุกอย่างช่างวิเศษเหลือเกิน ผมย้อนกลับไปดูแฟชั่นโชว์เก่าๆมากมาย ถ้าไม่มีเทคโนโลยีเราคงไม่มีโอกาสได้ชม และเราเองก็เป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอข้อมูลเหล่านั้นลงสู่โลกอินเตอร์เน็ท

ผมย้อนไปดู Dolce&Gabbana ปี 1995 เสื้อผ้าโทนสีขาวดำ เพลงแด๊นซ์ นางแบบเดินมาในลุคมั่นใจ สิ่งเดียวที่ผมนึกถึงตอนดูโชว์นี้คือมาดอนน่า  เสื้อผ้าที่ทันสมัยที่สุดในตอนนั้นอาจจะมีเพียงบางชิ้นที่ยังอยู่รอดและนำมาใส่ในยุค 2012 ได้ แน่นอนว่ารูปทรงและการออกแบบที่คลาสสิกอะไรบางอย่างย่อมอยู่เหนือกาลเวลาเสมอ เวลานึกว่าแบรนด์ไหนที่ทำนำเสือผ้ายุคเก่าๆมาใส่ได้ทั้งหมด ผมจะนึกถึง COMME des GARCONS เพราะเสื้อผ้าของเค้ามีความแปลกมีความเฉพาะที่เหนือกาลเวลาจริงๆ จะยุคไหนก็ยังนำมาใส่ด้วยกันได้ ย้อนกลับไปดูสมัยสิบปีที่แล้ว ก็ยังนำทุกชุดมาใส่กับคอลเลคชั่นล่าสุดได้อย่างภูมิใจ รับรองว่าจะหาคนใส่ซ้ำได้ยากยิ่งนัก ชื่อเสียงของแบรนด์คือความมั่นใจและความภูมิใจของลูกค้าและสาวกของแบรนด์นั้นๆเสมอ ทุกคนต่างมีแบรนด์ในดวงใจของตัวเอง มีชิ้นพิเศษของตัวเอง

อย่างล่าสุด คุณแพตตี้ทวิตถามผมว่าช่วยบอกเหตุผลว่าทำไมถึงต้องมีกระเป๋า Bao Bao เราทวิตคุยกันไม่กี่ข้อความผมแชร์เรื่องราวเพียงบางส่วนในกระเป๋าและเมื่อวานขณะรอดูโชว์ Flynow คุณแพตตี้ก็ส่งรูปถ่ายพร้อมกระเป๋าใบใหม่มาให้ชมทางทวิตเตอร์เป็นที่เรียบร้อย ทุกคนมีความสุขกับแฟชั่น ผมเองก็มีความสุขไปกับแฟชั่น มีความสุขที่ได้ส่งต่อเรื่องราว ข้อมูล และแบ่งปันอะไรดีๆที่พบเห็นมาด้วยมิตรภาพ เวลาที่ผมได้อะไรมาใหม่ผมเองก็จะลองแล้วลองอีกว่าใส่กับอะไรได้บ้าง มันเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของมนุษย์ เราไม่ได้พิเศษไปกว่าใคร และเราก็อยากได้ทุกคนได้สนุกไปด้วยกันจริงๆครับ