ทีวีจอเล็ก

บรรยากาศกลางดึก หลังจากปิดไฟและเข้านอนไปแล้วสักพัก ผมรีบลุกขึ้นมาเปิดคอมพิวเตอร์ ต่ออินเตอร์เน็ท และเข้ามาเขียนบทความนี้ เพราะรู้สึกว่าถ้าเราไม่เขียนตอนนี้ แล้วเราหลับไปไม่ตื่น เราคงรู้สึกเสียดายอะไรบางอย่างที่เราได้ไปพบเห็นมาระหว่างการเดินทาง

วันนี้ระหว่างเดินทางไปทำงาน ผมเห็นวินมอเตอร์ไซด์กลุ่มนึง กำลังจ้องมองจอโทรศัพท์เครื่องเล็กๆที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ พร้อมเสาอากาศหนวดกุ้งที่ยาวพอกับสมัยที่ครั้งนึงเราคงเคยเห็นอาจารย์สอนหนังสือเอาใช้ชี้ข้อความบนกระดานดำ ทุกคนต่างจ้องมองเจ้าจอเล็กๆอย่างตั้งใจ พูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างสนุกสนาน มุงดูด้วยความตื่นเต้น พี่วินคนที่เป็นเจ้าของเครื่อง ยกโทรศัพท์ขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ เพื่อให้เพื่อนได้มีโอกาสดูรายการทีวีผ่านโทรศัพท์รุ่นที่เจ๋งที่สุดในระแวกนั้น ทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ จากหน้าจอทีวีขนาดเล็กที่อยู่บนเครื่องโทรศํพท์ ก่อนจะมีลูกค้ามาเรียกใช้บริการมอเตอร์ไซด์ให้พาไปส่งยังจุดหมายปลายทาง

ภาพตัดมาที่บ้านหลังใหญ่ มีทีวีจอใหญ่ที่สุด เท่าที่จะยกทีวีผ่านเข้ามาทางประตูบ้านได้ เจ้าของบ้านนั่งดูทีวีคนเดียว สนุกอยู่กับรายการทีวีเดียวกันกับที่วินมอเตอร์ไซด์กำลังนั่งดู ความสนุกผ่านจอที่ทันสมัยที่สุด คมชัดที่สุด และนั่งดูอยู่คนเดียวอย่างเหงาๆ

สองภาพที่ได้เห็น สะท้อนให้เราได้เห็นว่า ทีวีไม่ว่าจะจอใหญ่หรือจอเล็ก ก็ให้ความสนุกและความสุขได้เหมือนกัน ความสุขของพี่ๆวินมอเตอร์ไซด์อาจจะไม่ได้อยู่ที่ภาพคมชัดทะลุรูขุมขน แต่เป็นความสุขที่ได้แบ่งปันอะไรดีๆให้กับเพื่อนได้สนุกได้ด้วยกัน ได้แย่งกันดู ได้แชร์สิ่งที่ตัวเองคิดให้เพื่อนฟัง ความมีที่น้อยกว่า ก็สามารถสร้างความสุขที่มากกว่าได้จริงๆ คนที่มีน้อยแต่รู้จักแบ่งปันช่วยเหลือ ก็ยังมีมิตรที่อยู่ข้างๆ ทำให้ไม่ต้องทนเหงาดูทีวีอยู่คนเดียว ไม่แน่คนที่มีทีวีจอใหญ่ๆอาจจะอยากมีใครสักคนนั่งดูทีวีเป็นเพื่อน เพื่อที่จะได้สนุกไปด้วยกัน ได้แลกเปลี่ยน ได้วิจารณ์ในสิ่งที่เห็นให้เพื่อนได้ฟัง แล้วนั่งหัวเราะกันอย่างมีความสุข  เราอาจจะเคยคิดว่าชีวิตคนเราต้องมี ต้องมีและต้องมีมาก บางครั้ง มีน้อย ก็สุขได้ถ้าเรารู้จักแบ่งปัน