6/3/2011

วันนึงขณะที่เพิ่งออกจากฟิตเนส ขึ้นรถไฟฟ้า ซึ่งคนเยอะมาก ผมก็หยิบบีบีขึ้นมาเล่นทวิตเตอร์ตามเคย แต่พอเงยหน้าขึ้น ผมเห็นผู้ชายใส่แว่นคนนึง ผูกผ้าพันคอผืนนึงสีเทา เข้ากับเสื้อยืดเรียบๆสีเทา กำลังพิมพ์อะไรสักอย่างบนไอโฟน และผมจำได้ดีกว่านั้นคือผ้าพันคอ Truly แน่นอน...................จึงรีบกดโทรศัพท์โทรหาเจ้าของผ้าพันคอผืนนั้น เราสองคนอยู่ขบวนเดียวกันในวันที่คนบนรถไฟฟ้าเยอะมาก จนลงจากรถไฟฟ้าผมได้มีเวลาคุยกับเจ้าของผ้าพันคอผืนนี้ จำได้ว่าหิวมาก จนต้องทานข้าวไข่เจียวกับผัดผักบุ้ง คุยไปทานไปเลยทีเดียว

เราคุยกันเยอะมาก ตั้งแต่เรื่องแฟชั่น แนะนำการเลือกกระเป๋า ธรรมะ กิจกรรมค่าย งาน จนมาคุยกันถึงเรื่องผ้าพันคอ ผมจำไม่ได้ว่าเริ่มต้นยังไงแต่รู้ว่า เรากำลังพูดถึงคนที่สะสมผ้าพันคอของ Martinphu ตั้งแต่ผืนแรกด้วยความสุข แต่ผมจำได้ว่าผู้ที่สะสมท่านนี้ขาดต่างหูสีชมพูของเราไปคู่นึง ทำให้ของไม่ครบคอลเลกชั่น แต่ผมกลับได้การแชร์อะไรดีๆกลับมาแทน ซึ่งผมขออนุญาตไปเอามาจาก Facebook ของลูกค้าท่านนี้นะครับ
"ความพร่อง ทำให้เรารู้ค่าของสิ่งที่มีอยู่" เหมือนภาพต่อ Jigsaw ที่เราต่อครบ วันนึงเราก็อาจจะลืมๆ หรือไม่สนใจมัน แต่ถ้ามันหายไปชิ้นนึง เราจะรู้สึกถึง "คุณค่า" ที่มันเคยมี...ในทางกลับกัน ถ้าเราสะสม Collection อะไรสักอย่าง ถ้าเรามีครบทุกชิ้น เราก็จะรู้สึกงั้นๆ แต่ถ้ามัน "ขาด" ไปสักชิ้น เราจะรู้สึกว่า Collection นี้ มี "คุณค่า" อยู่เสมอ...นี่แหละความหมายที่แท้จริงของคำว่า "Missing Piece"
พอได้ฟังแล้วยิ้มและรู้สึกอิ่มมาก ในความไม่สมบูรณ์แบบมันก็มีเสน่ห์ของเค้าอยู่เสมอ เพราะว่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เราไม่ได้กำหนด มันค่อยๆใหลไปเองตามสิ่งที่มันควรจะเป็น.............และสิ่งที่เซอร์ไพร์มาก คือ ผมกำลังตามหาคนคนนึง..............นั่นคือ "น้าเล็ก" ที่เคยเป็นโฮสผมสมัยเข้าค่ายเรือ อะไรจะบังเอิญที่เจ้าของผ้าพันคอผืนนี้ ถือเป็นเรือรุ่นใหญ่ก่อนรุ่นผม และทำให้ผมได้ทราบว่าตัวเองเป็นเรือรุ่นเล็ก รุ่น 5 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้าย เวลาผ่านมาเป็นสิบปีแล้วครับ ผมจะตามหาน้าเล็กเจอมั้ย ยังไงก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ ...........ทุกอย่างในโลกเหมือนถูกกำหนดมาแล้ว ว่าจะมีอะไรเข้ามาในชีวิต สิ่งที่เราทำได้เพียงแต่ทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุด และมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน ขอบคุณการพบกันบนรถไฟฟ้าโดยบังเอิญในครั้งนี้ครับ