ปาโก ราบานน์ ( Paco Rabanne) ตอน 2


เมื่อปาโก ราบานน์ เริ่มต้นเส้นทางของนักออกแบบ จนผลงานของเค้าขายได้ ความมั่นใจก็มีมากขึ้น ในปี 1965 ราบานน์ จึงคิดทำแฟชั่นชุดที่ชื่อว่า อันแวเรเบิลส์ (Unwearables) โดยการนำพลาสติดมาร้อยถัดกันจนเป็นเสื้อผ้า โดยได้แรงบันดาลใจมากจากชุดเกราะของนักรบจีน

ผลงานของราบานน์ ก็ได้เข้าไปอยู่ในสตูดิโอในปารีส และในปี 1968 เค้าได้รับหน้าที่ออกแบบเสื้อผ้า ให้กับภาพยน์จิตนาการล้ำยุค เรื่อง บาร์บาเรลลา และเค้ายังได้ทำสถิติในการออกแบบเสื้อผ้าให้กับภาพยนต์ถึง 35 เรื่อง ในการแสดงละครและบัลเลต์ต่างๆมากมาย


สิ่งที่ปาโก ได้สร้างกระแสที่ยิ่งใหญ่ คือ การใช้นางแบบผิวสี ณ ตอนนั้น ปารีสยังไม่คุ้นกับการใช้นางแบบผิวสีเท่าไหร่นัก มุมมองของเค้าจะเหมือนศิลปิน มากกว่านักออกแบบเสื้อผ้าทั่วไป หลังจากที่ได้ทำเสื้อผ้าจนมีชื่อเสียง ก็ได้เริ่มต้นการผลิตน้ำหอม ชื่อว่า กาลองเดอ ( Calandre) โดยได้แรงบันดาลใจในการออกแบบขวดจากอาคารสหะประชาชาติในนิวยอร์ค จนทุกวันนี้น้ำหอมของเค้าก็ยังขายดี เช่น Paco Rabanne Pour Homme , XS ,Untraviolet , Energy

ตั้งแต่ยุค 60 จนถึง 90 แนวการออกแบบและการนำเสนอของปาโก ยังแปลกใหม่และสร้างสรรค์อยู่เสมอ เมื่อชื่อเสียงมาขึ้น ก็ถูกบีบให้ออกไลน์เสื้อผ้าสำเร็จรูป สู่ตลาด Mass เช่นกัน และได้รับรางวัล " ปลอกนิ้วทองคำ " (Golden Trimble) ในปี 1989


ปาโก้ ได้วางมือในการออกแบบในปี 1999 โดยมอบงานควบคุมการออกแบบให้กับเหล่าดีไซน์เนอร์ 3 คน คือ ออเรเรียน เทรมเบลย์ , คริสตอฟ เดอกาเมง ,โอลิเวอร์ เดอร์ไบอัส และในปี 2000 ก็ขายหุ้นให้กับ มาริโอนา พูอิก กลุ่มธุรกิจแฟชั่นจากบาเซโลนา ที่เข้าซื้อห้องเสื้อนินา ริชชีด้วยเช่นกัน โดยที่ปาโก ยังให้คำปรึกษาเรื่องบุคคลิกของแบรนที่เข้าสร้างมากับมือ ล่าสุดการออกแบบ ก็ตกมาอยู่ในการดูแลของ โรสแมรี่ รอดริเกซ


หลังจากวางมือ ปาโกให้เวลากับการเขียนหนังสือ ค้นคว้าเรื่องลีลับที่เค้าชอบ เป็นนักมังสวิรัติ เหมือนที่เค้าเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสารว่า เค้าอยากจะตามหา พระเจ้า ให้พบ และคุยกับพระองค์......