นิยามแฟชั่นของผม






ถ้าถามผมว่าแฟชั่นคืออะไร ผมต้องบอกว่ามันคืองานศิลปะบนเรือนร่างของมนุษย์ครับ แต่ในปัจจุบันมีการเกี่ยวข้องกับธุรกิจและการตลาดมาก งานศิลปะแบบบริสุทธิ์จึงกลายเป็นศิลปะธุรกิจ ด้วยความที่มีการตลาดของวงการแฟชั่นมาเป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบทำให้ เทรนเสื้อผ้าในแต่ละยุค จะออกแบบมาเพื่อสนองต่อความต้องการผู้บริโภค แต่สุดท้าย ผู้บริโภคเองกลับต้องถูกการโฆษณาและค่านิยมวัตถุนิยม มีกลืนความชื่นชอบและความเป็นตัวตนที่แท้จริงออกไปครับ
หลายคนอาจมองว่าแฟชั่นเป็นเรื่องไร้สาระ แต่มันก็เป็นสิ่งที่อยู่และไปไหนมาไหนกับเรามาโดยตลอด อย่าลืมนะครับว่าเสื้อผ้าเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของมนุษย์ เลยทำให้ธุรกิจเสื้อผ้า สร้างเงินมหาศาลมากมาย หากเราศึกษาแฟชั่นให้ดี ผมรับรองว่า เราจะได้หลักการตลาด จิตวิทยา ศิลปะ ประวัติศาสตร์ เรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ มากกว่าเพียงแค่เสื้อผ้าที่ต้องเสีนเงินซื้อครับ เพราะแฟชั่นแปลว่าสมอง ที่้ต้องคิดและเลือกมาใช้ให้เข้ากับตัวเรา ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค หากเราไม่ตกเป็นทาสของกระแสวัตถุนิยม เราจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆและบริหารสมองกับเงินในกระเป๋าได้อย่างดี โดยไม่ต้องไปนั่งเรียนคณิตศาสตร์แบบหลบๆซ่อนๆ
การที่เรารู้จักเลือกสิ่งที่ดีไซน์เนอร์ได้ผลิตออกมา ต้องช่วยส่งเสริมให้เราดูดีขึ้น ลดส่วนด้วยและใส่แล้วมีความสุข คุ้มค่าเงินที่เสียไป ตามกำลังและความสามารถครับ ถ้าเราถือกระเป๋าใบละแสน แต่ยังไม่มีรถยนต์ขับ แทนที่หลายคนจะชื่นชมในสไตล์ กลับกลายเป็นหัวเราะถึงความบ้าของเราครับ โดยเฉพาะเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีโอกาสเลือกได้มาก ต้องรู้จักคิดนะครับว่าอะไรเหมาะสมไม่เหมาะสม ของแพงและมียี่ห้อ ก็ใช่ว่าจะสวยและดูดีเสมอไป ของถูกทำเองราคาๆไทยก็ทำให้เราดูดีและมีสไตล์ได้ไม่แพ้กัน เวลาผมดูคนแต่งตัว ผมดูที่ไอเดียและแนวคิดว่าเค้าจะเลือกอย่างไร มากกว่าโลโก้หรือยี่ห้อที่ต้องจ่ายเงินไปด้วยซ้ำครับ ผมดูแฟชั่นไปทะลุถึงสมองและใช้สมองคิดตาม ไม่ใช่เพียงแต่ใครใส่อะไรถูกหรือแพงกว่ากัน รู้อย่างนี้แล้วลองเปิดตู้เสื้อผ้าหาอะไรมามิกซ์แอนแมชบริหารสมองและช่วยให้เรามีความสุขโดยไม่ต้องซื้อของใหม่ก็ได้ครับ